ทำไมน้ำมันมะพร้าวถึงเป็นเป็นคีโต? น้ำมันมะพร้าวนั้น ดีต่อการลดน้ำหนักเป็นอย่างมาก โดยจะช่วยในเรื่องการเพิ่มการใช้พลังงาน ในขณะที่ร่างกายอยู่นิ่ง ช่วยในการเผาผลาญไขมันมากขึ้น และยังช่วยลดความหิว ทำให้อิ่มนาน เป็นอีกตัวช่วยในการลดน้ำหนักที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน
 

ถั่วพิสตาชิโอ

ถั่วสำหรับชาวคีโต - "พิสตาชิโอ" ถั่วที่ขึ้นชื่อว่ามีปริมาณแคลอรีและไขมันต่ำคงหนีไม่พ้นถั่วพิสตาชิโอ อีกทั้งยังเป็นถั่วที่เป็นแหล่งรวมของวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับร่างกายหลายชนิด เช่น วิตามินบี6 คอปเปอร์ แมงกานีส เป็นต้น ถั่วที่ขึ้นชื่อว่ามีปริมาณแคลอรีและไขมันต่ำคงหนีไม่พ้นถั่วพิสตาชิโอ อีกทั้งยังเป็นถั่วที่เป็นแหล่งรวมของวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับร่างกายหลายชนิด เช่น วิตามินบี6 คอปเปอร์ แมงกานีส เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีผลการศึกษาหนึ่งพบว่า การทานถั่วพิสตาชิโอจะช่วยให้สุขภาพหัวใจดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยในการควบคุมน้ำหนัก รวมถึงเชื่อกันว่าสามารถทำให้อายุยืนขึ้นอีกด้วย
 

ถั่วแมคคาเดเมีย

ถั่วสำหรับชาวคีโต - "แมคคาเดเมีย" ด้วยรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และมีความครีมมี่ของถั่วแมคคาเดเมียที่ไม่เหมือนใคร จึงกลายเป็นหนึ่งในชนิดของถั่วที่ชาวคีโตสามารถกินได้ เหมาะสำหรับการนำไปอบและกินเป็นของว่าง หรือจะนำมาทำเป็นเนยถั่วก็ดี เพราะเต็มไปด้วยโปรตีนและแคลเซียม และน้ำมันถั่วแมคคาเดเมียมีโอเมก้า 3 ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและความดันโลหิตสูงได้อีกด้วย
 

เม็ดมะม่วงหิมพานต์

ถั่วสำหรับชาวคีโต - "เม็ดมะม่วงหิมพานต์" ทำไมคีโตถึงทานได้ เพราะในเม็ดมะม่วงหิมพานต์ 100 กรัมจะให้พลังงานมากกว่า 500 กิโลแคลอรี่ แต่อุดมไปด้วยไขมันดี วิตามิน โปรตีน และสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ล้วนมีประโยชน์ต่อร่างกาย เม็ดมะม่วงหิมพานต์เป็นถั่วชนิดหนึ่ง ผลมีเปลือกแข็ง มีเมล็ดเดียวลักษณะคล้ายรูปไต อุดมไปด้วยวิตามินเค วิตามินอี วิตามินบี 6 ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม เกลือแร่ ฯลฯ มีรสชาติหวานมัน ทานเพลิน มีเส้นใยอาหารต่ำ ถึงแม้จะมีปริมาณไขมันมากแต่เป็นไขมันดี ซึ่งช่วยลดระดับไขมันเลว มีสารต้านอนุมูลอิสระ ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ฯลฯ
 

ถั่ววอลนัท

ถั่วสำหรับชาวคีโต - "วอลนัท" ถ้าถามว่าคีโตกินถั่วอะไรได้บ้าง ก็ต้องถั่ววอลนัทนี่เลย วอลนัทจัดว่าเป็น Super Food อย่างแท้จริง สามารถนำมาอบกินเล่น หรือนำมาใส่ในขนมหรือสลัดก็อร่อยเช่นกัน ไม่เพียงแต่มีสารอาหารสำคัญอย่างโปรตีน ไฟเบอร์ และแร่ธาตุที่สำคัญอย่างแมกนีเซียมและแมงกานีสเท่านั้น แต่ยังอุดมไปด้วยกรดอัลฟา-ไลโนเลอิก (Alpha-linolenic acid – ALA) ซึ่งมีสรรพคุณในการต่อต้านการอักเสบและมีบทบาทสำคัญในการทำให้หัวใจมีสุขภาพดี ควบคุมน้ำหนัก ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานและมะเร็งบางชนิด นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งที่ดีเยี่ยมของไฟเบอร์ แมกนีเซียม โปรตีน และฟอสฟอรัส รวมถึงซีลีเนียมที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย การกินวอลนัทเป็นประจำจะช่วยบำรุงสุขภาพได้